อัพเดต! เทรนด์ทำ Website ปี 2024 ที่ทุกคนไม่ควรพลาด
ยิ่งโลกหมุนไปไวเท่าไหร่ เทคโนโลยีก็ยิ่งพัฒนาไปไวเท่านั้น ทิศทางของการทำ Website ในยุค Web3.0 นี้ก็เช่นกัน เมื่อความต้องการของผู้ใช้เปลี่ยนไป นักออกแบบและพัฒนาก็ต้องเจอกับโจทย์การทำ Website ใหม่ ๆ เพื่อรักษาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้เป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้อยู่เสมอ แต่เทรนด์การทำ Website ในปี 2024 นี้จะเป็นไปในทิศทางใดนั้น ไปติดตามพร้อมกันกับบทความนี้เลย
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
1. Minimalism
การทำ Website สไตล์ Minimalism ในปี 2024 ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเน้นไปที่ความเรียบง่ายและความสะอาดตากันมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับเนื้อหาของเว็บไซต์ได้โดยปราศจากสิ่งรบกวน เน้นการใช้สีที่เรียบง่าย อย่างสีขาว สีดำ หรือเทา และการจำกัดการใช้สีไม่เกินสามสีเป็นหลัก ช่วยให้เว็บไซต์ดูสง่างามและทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ในเว็บไซต์ให้มีความเรียบง่ายและเข้าใจง่ายอีกด้วย ทั้งยังช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อการทำ SEO และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน เน้นไปที่การสร้างความสมดุลระหว่างความสวยงามและฟังก์ชันการทำงานที่ไม่ซับซ้อน ทำให้เว็บไซต์สไตล์ Minimalist ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังใช้งานได้ดีอีกด้วยครับ
2. Dark Mode
ปัจจุบันการออกแบบเว็บไซต์ด้วยฟีเจอร์ Dark Mode กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักพัฒนาและผู้ใช้งาน เนื่องจากมีข้อดีหลายด้าน เช่น ช่วยลดความเมื่อยล้าของสายตา และยังช่วยประหยัดพลังงานสำหรับหน้าจอ OLED ที่จะใช้พลังงานน้อยลงเมื่อแสดงสีดำ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำ Website ด้วยฟีเจอร์ Dark Mode ยังต้องคำนึงถึงระดับความคมชัดของสีที่ใช้ โดยเฉพาะการใช้สี contrast ที่สูงเพื่อให้ตัวหนังสือและไอคอนมีความชัดเจนด้วย โดยจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านข้อมูลได้ง่ายขึ้นแม้ใน Dark Mode นั่นเอง Dark Mode ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ที่สะท้อนถึงความต้องการของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพและการใช้งานที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักออกแบบ UX/UI ควรให้ความสำคัญอย่างมากเลยล่ะครับ
3. หวนคืน Y2K
วันวานยังหวานอยู่ เทรนด์ความโหยหายุค Y2K จึงได้กลับมาอีกครั้งแม้เวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 20 ปี โดยเทรนด์นี้จะมีการใช้ข้อความที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงภาพประกอบที่ดูย้อนยุคย้อนวัยกันอีกด้วย ด้วยความที่เป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัย ทำให้สไตล์นี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีสันที่สะท้อนแสง ฟอนต์ที่มีลักษณะเฉพาะเช่น sans serif หรือ monospaced และการออกแบบที่มีความเรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ นอกจากนี้ การออกแบบแนว Y2K ยังเน้นการให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับเว็บไซต์มากขึ้น ช่วยทำ Website ที่ไม่เพียงแต่ดูดี แต่ยังใช้งานง่ายและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าชมอีกด้วย ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ใช้เทรนด์นี้ได้แก่ Gucci และมีผลงานอื่น ๆ ที่น่าสนใจใน behance.net ที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบได้อย่างดีเลยครับ
4. ปัญญาประดิษฐ์
ทุกวันนี้เรามักจะได้ยินคำว่า AI อย่างหนาหูกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) โดยส่วนใหญ่ก็มีการพัฒนาขึ้นมาด้วยจุดประสงค์หลักคือการเป็นตัวช่วยของมนุษย์นั่นเอง จึงไม่แปลกเลยที่นักออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์เองก็หันมาใช้ AI เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพประกอบขึ้นมาด้วย Prompt ต่าง ๆ การเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ให้น่าอ่าน ไปจนถึงการให้ AI ช่วยเขียนโค้ดที่ค่อนข้างซับซ้อน ทำให้การทำ Website เป็นเรื่องที่ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิมไม่น้อยเลยทีเดียว
5. ไฟล์ภาพสกุล .WebP
ไฟล์ภาพ .WebP ที่ Google ได้พัฒนาขึ้นมาในปี 2010 นั้นสามารถช่วยลดขนาดไฟล์ลงได้ถึง 20-35% ในขณะที่ความคมชัดยังคงเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับไฟล์ภาพประเภทอื่น ๆ เช่น JPEG หรือ PNG นอกจากนี้ .WebP ยังรองรับการแสดงผลแบบโปร่งใสและภาพเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานบนเว็บไซต์ที่ต้องการให้โหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพในการทำ SEO ที่ดีขึ้น การใช้ไฟล์ .WebP ทำ Website ยังช่วยประหยัดพื้นที่บนเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพในการแสดงผลที่ดีขึ้น และทำ Website ให้สามารถรองรับการเข้าชมจากผู้ใช้งานจำนวนมากได้เป็นอย่างดี
6. PHP7
การใช้ PHP7 ทำ Website จะนำเสนอประสิทธิภาพที่ดีกว่าเวอร์ชันก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นและการใช้หน่วยความจำที่น้อยลง การทำ Website ด้วย PHP7 ทำให้แสดงผลได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ PHP7 ยังมีการปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ ๆ และการแก้ไขข้อบกพร่องจากเวอร์ชันก่อน ๆ ด้วย จึงทำให้นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดที่ปลอดภัยกว่าและมีคุณภาพสูงขึ้น ด้วยความนิยมของ PHP ในหมู่นักพัฒนา จึงทำให้มีแหล่งข้อมูลและการสนับสนุนที่ดีเยี่ยม ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาแก้ปัญหาและพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือเทรนด์การทำ Website ที่น่าติดตามสำหรับปี 2024 ที่ 1001 Click ได้เฟ้นหามาแบ่งปันกัน หวังว่าทุกคนจะได้แรงบันดาลใจในการทำ Website ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมกันแล้ว อย่าลืมไปลองปรับใช้กันดูนะครับ
หากสนในสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขอคำปรึกษาได้ผ่านช่องทาง
- Line ID: 1001click
- Tel: 081 116 1001
- E-mail: info@1001click.com