แชร์เทคนิคสร้างเว็บไซต์ Wordpress อย่างไร ให้ Page Speed สูง

ตรวจสอบ Page Speed เบื้องต้นด้วย PageSpeed Insight

เริ่มต้นจากคุณสามารถตรวจสอบความเร็ว Page Speed ได้จากเครื่องมือฟรีอย่าง PageSpeed Insight เพียงแค่กรอก URL เว็บไซต์ของคุณลงไปนั้น เครื่องมือก็จะแสดงผลค่า Page Speed ทั้ง Desktop และ Mobile ขึ้นมาคุณทราบ โดยเบื้องต้นจุดที่ดูง่ายที่สุดนั้นคือ Section แรกที่คุณจะเห็นได้ทันทีอย่าง Core Web Vitals Assesment หากคือ Passed แปลว่าคุณสร้างเว็บไซต์ที่มี Page Speed ของคุณอยู่ในเกณฑ์ดี แต่หากขึ้น Failed แปลว่าคุณอาจจะยังสร้างเว็บไซต์ และจัดการระบบต่าง ๆ ได้ไม่ดีพอ อีกทั้งเครื่องมือตัวนี้ ยังแจ้งส่วนที่เราควรจะปรับปรุงให้อีกด้วย ว่าจุดไหนของเว็บไซต์ที่เป็นปัญหา เบื้องต้นสามารถแก้ไขตามที่เครื่องมือแจ้งมาได้เลย

ทำไมเราถึงความใส่ใจ Page Speed

Page Speed นั้น ส่งผลกับอะไรหลาย ๆ อย่างโดยที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงดังนี้

1. User Experience
   แน่นอนว่า Page Speed ที่ต่ำอย่างเห็นได้ชัด มีการทำสถิติว่าหากหน้าเว็บไซต์ไม่ดาวน์โหลดขึ้นมาภายใน 3 วินาที มีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะกดออกจากเว็บไซต์ในทันที ซึ่งจะนำมาซึ่งการสูญเสียยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ หรือ Traffic ไปนั่นเอง
2. Search Engine Optimization ไม่เพียงแต่ผู้ใช้งานทั่วไปจะไม่ชอบเว็บไซต์ที่มี Page Speed ต่ำแล้ว Google ก็ยังไม่ชอบอีกด้วย การสร้างเว็บไซต์โดยไม่คำนึงถึง Page Speed จะส่งผลให้คะแนน SEO ของคุณต่ำลง และอันดับเว็บไซต์ขึ้นยากอย่างเห็นได้ชัด โดย Page Speed นั้นจะแบ่งเป็น Desktop และ Mobile หากช้าอย่างใดอย่างหนึ่งอันดับอาจจะตกลงไปในระดับหนึ่ง แต่หากช้าทั้งสองอย่างเว็บไซต์ก็อาจจะไม่ติดอันดับการค้นหา ซึ่งหมายถึงการเสิร์ชไม่พบบนหน้ากูเกิลนั่นเอง

Tips: Page Speed นั้น มีผลอย่างมากกับการทำ SEO ในหลาย ๆ ครั้งอาจจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เว็บไซต์อาจจะดูมีการดาวน์โหลดที่ดูปกติ แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปเบื้องต้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมีสองส่วนหลัก ๆ คือบุคคลทั่วไป หรือผู้ใช้งานเว็บไซต์ทั่วไป และ Google ซึ่งเป็นระบบ AI ตรวจจับ เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบคะแนน Page Speed โดยตรงจาก Page Insight ด้วย

5 เทคนิคสร้างเว็บไซต์ Wordpress ให้ค่า Page Speed สูงขึ้น

1. File Size

สิ่งที่ง่ายที่สุด แต่มักจะถูกมองข้ามมากที่สุดนั้นคือการย่อขนาดไฟล์ภาพสำหรับใช้งานบนเว็บไซต์ เนื่องจากในปัจจุบัน เนื้อหาประเภท Image content นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่าข้อความตัวอักษร ทำให้ไฟล์ภาพที่มีขนาดใหญ่หลาย ๆ ภาพกินทรัพยากรภายในเว็บไซต์ ส่งผลให้ Page Speed ต่ำ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ที่ทำหน้าบทความและมีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ภาพปกและภาพประกอบบทความนั้นควรย่อไฟล์ หรือหากจะให้ดีปรับเป็นไฟล์สกุล .nextgen หรือ .wepb ซึงเป็นสกุลไฟล์ที่เหมาะสมสำหรับการนำมาใช้งานบนเว็บไซต์ โดยโปรแกรมแปลงไฟล์ประเภทนี้มากมายให้หาใช้ได้ใน Google ทั่วไป วิธีการนี้สามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มสร้างเว็บไซต์ ไปจนถึงปรับแต่งระหว่างใช้งานเว็บไซต์

2. Hosting Specification

การเลือก Hosting สำหรับสร้างเว็บไซต์ที่มี Spec ตรงตามเงื่อนไขนั้นช่วยให้การดาวน์โหลด และพื้นที่ในการจัดเก็บทรัพยากรมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีศักยภาพในการดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เงื่อนไขในที่นี้ อาจจะกล่าวได้ถึงขนาดเว็บไซต์ รูปแบบการนำเสนอเนื้อหาภายในเว็บไซต์ และแนวทางในการพัฒนาเว็บไซต์เป็นต้น เพราะฉะนั้นวางแผนการเลือก Hosting หรือขยับขยาย Hosting เมื่อเว็บไซต์มีการเติบโต

3. Lazy Loading Plug in

มีทั้งคนรู้จัก และไม่รู้จัก Lazy Loading โดยเจ้าตัวนี้ เป็นเครื่องมือในการช่วยแบ่งเบาภาระการดาวน์โหลด หรือแสดงผลเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ โดยแทนที่เมื่อผู้ใช้งานเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา แล้วเว็บไซต์จะดาวน์โหลดพร้อมกันทั้งเว็บ Lazy Loading จะช่วยให้การดาวน์โหลด เกิดขึ้นแค่ในส่วนที่ผู้ใช้งานมองเห็น และหาก Scroll down หรือย้ายไปดูส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ เว็บไซต์ก็จะทำการดาวน์โหลดทีละส่วน ๆ ในเฉพาะส่วนที่มองเห็น ณ ขณะนั้น เป็นการช่วยลดภาระในเรื่องของการดาวน์โหลด และช่วยเรื่อง Page Speed ได้ดีทีเดียว

4. Theme & Plug In

การสร้างเว็บไซต์ใช้ธีมเทมเพลตที่หวือหวา มีลูกเล่นอย่าง animation มากมายนั้นเป็นเรื่องที่ดูเก๋ แต่อาจจะต้องแลกมากับการปัญหาในเรื่องของการดาวน์โหลดที่ต้องใช้ทรัพยากรมาก ขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากจริงจังกับเรื่อง Page Speed ก็อาจจะต้องจำยอมที่จะใช้ธีมที่มีลูกเล่นน้อยลงมาหน่อยด้วยเช่นกัน รวมไปถึง Plug In เครื่องมือเสริมช่วยให้การใช้ Wordpress นั้นเป็นเรื่องง่าย และสะดวกสบายมากขึ้น แต่ Plug In ที่มากจนเกินไปก็จะกัดกินทรัพยากร และพื้นที่จัดเก็บไม่ต่างจากไฟล์ภาพขนาดใหญ๋ ๆ เพราะฉะนั้นควรมีไว้เฉพาะ Plug In ที่ใช้ประจำก็เพียงพอ

5. Cache & Content Delivery Network

การติดตั้งปลั๊กอินที่ช่วยเรื่อง Cache อย่าง WP Rocket นั้น จะช่วยเก็บค่าแคชในการดาวน์โหลดเว็บไซต์ เพื่อส่งต่อไปยังผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากมีใครสักคนเข้าชมเว็บไซต์ แคชในการดาวน์โหลดนั้นจะถูกบันทึกเก็บไว้ และส่งชุดข้อมูลที่ดาวน์โหลดไว้แล้วไปยังผู้ใช้งานคนอื่น ๆ เป็นการช่วยลดภาระการดาวน์โหลดที่ได้ผลดีเช่นกัน รวมไปถึงการทำ CDN หรือ Content Delivery Network ผ่าน Cloudflare เป็นเครื่องมือที่จะช่วยเก็บ และกระจาย Cache เราไปให้กับผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก และส่งข้อมูลแคชที่บันทึกไว้ เพื่อให้ผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นดาวน์โหลดเว็บไซต์ได้ด้วยรวดเร็วยิ่งขึ้น

หากคุณสร้างเว็บไซต์ Wordpress โดยนำเทคนิคทั้ง 5 ข้อนี้ มาเป็นองค์ประกอบร่วม คุณสามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยว่า เว็บไซต์ของคุณนั้น จะมี Page Speed ที่ผ่านเกณฑ์อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดภายในเนื้อหา คุณจะสังเกตว่าผู้เขียนนั้นจะเน้นใช้คำว่า ผ่านเกณฑ์ ไม่ใช่ได้รับ 100 คะแนนเต็มอย่างที่เจ้าอื่น ๆ แนะนำ เพราะการสร้างเว็บไซต์นั้น Page Speed เป็นสิ่งสำคัญ แต่ไม่เป็นจำเป็นที่จะต้องได้คะแนนเต็ม 100 แต่อย่างใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ User Experience & User Journy ขอแค่ผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ได้แบบไม่สะดุด และผ่านเกณฑ์เบื้องต้นของ Google นั้น ก็เพียงพอแล้วสำหรับการสร้างเว็บไซต์ดี ๆ สักหนึ่งเว็บ

1001 Click เราคือบริษัทที่มีทีมงานผู้ชำนาญในการรับสร้างเว็บไซต์ รับดูแล และปรับโครงสร้างทั้งเว็บ ใส่ใจทุกกระบวนการรวมถึง Page Speed หากคุณสนใจ หรือกำลังมองหาบริการรับสร้างเว็บไซต์ที่ดูแล ครอบคลุมในทุก ๆ ระบบของเว็บไซต์ สามารถดูรายละเอียดบริการ และทำความรู้จักเราได้ที่เว็บไซต์ 1001 Click

• สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาได้ที่ 081 116 1001
• Line Id : 1001click
• Email : info@1001click.com