logo1001alt
  • About Us
  • Servicesarrow-menu-up
    • รับทำเว็บไซต์บริษัท ( Corporate website )
    • รับทำเว็บไซต์ E-commerce ( E-commerce website )
    • รับทํา Mobile Application
    • รับดูแลเว็บไซต์ และปรับปรุงข้อมูล
    • Web Hosting & VPS
    • รับทำ SEO
    • รับทำ Google ads
  • Portfolio
  • Blog
  • Contact Us
1001click-telephon-contact 1001click-line-contact
Home ∘ Blog ∘

เทคนิคทำ Responsive Web ให้ดูดีได้ไม่ว่าจอขนาดใด

เทคนิคทำ Responsive Web ให้ดูดีได้ไม่ว่าจอขนาดใด

11 เม.ย. 67
Responsive Web

เชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่ติดตามบทความของเราเป็นประจำคงจะรู้กันอยู่บ้างแล้วว่าการออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Web คืออะไร แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรครับ วันนี้เราจะมาอธิบายความหมายของ Responsive Web กันแบบพอสังเขป พร้อมด้วยเทคนิคง่าย ๆ ในการออกแบบเว็บไซต์ให้เป็น Responsive Web ที่เราได้รวบรวมมาแบ่งปันกันไว้ในบทความนี้ ให้เพื่อน ๆ นักออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์มือใหม่ได้นำไปต่อยอดความรู้ของตัวเองกัน

ยาวไปอยากเลือกอ่าน

  • การออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Web คืออะไร? แล้วทำไมต้องทำให้เว็บเป็นแบบ Responsive Web ด้วย?
  • 5 เทคนิคในการออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Web

การออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Web คืออะไร? แล้วทำไมต้องทำให้เว็บเป็นแบบ Responsive Web ด้วย?

หลายคนที่เป็นนักท่องเว็บมานานคงจำได้ดีว่าในช่วงที่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกำลังบูม ๆ เว็บไซต์ต่าง ๆ มักจะมีเวอร์ชั่น Desktop กับเวอร์ชั่น Mobile เพื่อให้ผู้ใช้สะดวกในการใช้งานเว็บไซต์ทั้งจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการทำเว็บแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากทีเดียว เพราะทั้งสองเวอร์ชั่นก็จะต้องมี Source Code เป็นของตัวเอง ทำให้ต้องเขียนโค้ดแยกกันสองชุด

แต่ในปัจจุบันมีการปรับใช้โค้ด HTML, CSS3 และ JavaScript ร่วมกันเพื่อกำหนดขนาดของเว็บไซต์ให้แสดงผลได้ตามขนาดของอุปกรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่ได้แบบพอดิบพอดี หรือที่เรียกว่า Responsive Web Design นั่นเอง ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะด้วยอุปกรณ์ใดก็ตาม โดยที่องค์ประกอบต่าง ๆ ของเว็บไม่ผิดเพี้ยน ไม่ต้องแยกเว็บไซต์ออกเป็นสองเวอร์ชั่น และใช้ Source Code เพียงชุดเดียว ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาไปได้เยอะเลยทีเดียว

Responsive Web

แล้วทำไมต้องทำให้เป็น Responsive Web ด้วยล่ะ?

ทุกวันนี้การเข้าถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไปแล้ว และด้วยความสะดวกของอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ทั้งแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนซึ่งแทบทุกคนไม่ว่าวัยใดก็มีอยู่ในครอบครองและสามารถใช้งานได้จากทุกที่ทุกเวลา ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาท่องเว็บผ่านอุปกรณ์พกพากันมากขึ้น และแน่นอนว่าหากเว็บไซต์ของคุณไม่ได้รองรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก ผู้ใช้ก็มักเกิดความรำคาญที่ต้องคอยซูมเข้าซูมออก เลื่อนหน้าจอซ้ายที ขวาที เพื่อที่จะอ่านเนื้อหา หรือดูรูปให้ชัดเจน บางครั้งหน้าจอเล็ก ๆ ก็ทำให้ปุ่มต่าง ๆ ยิ่งเล็กลงไปอีก จิ้มถูกจิ้มผิดจนเสียเวลา ทำให้ใช้งานได้ไม่สะดวก เป็นเหตุให้ผู้ใช่ส่วนใหญ่ถึงกับกดออกจากเว็บแล้วไปใช้เว็บอื่นไปเลย เว็บของคุณก็จะมี Bounce rate สูง และแน่นอนว่า Conversion rate ก็จะดิ่งลงไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทุกวันนี้การทำเว็บไซต์ให้เป็น Responsive Web จึงไม่ใช่แค่สิ่งที่ควรทำอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพราะเป็นมาตรฐานขั้นต่ำของการพัฒนาเว็บไซต์ไปแล้วนั่นเอง

5 เทคนิคในการออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive Web

1. เน้นการออกแบบที่เรียบง่าย

พื้นฐานของการทำ Responsive Web ควรเป็นการออกแบบเว็บไซต์โดยเน้นความเรียบง่ายให้มากที่สุด นำเสนอเนื้อหาที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรมีเนื้อหาเยอะจนรกไม่น่าดู ภาพและสื่อต่าง ๆ รวมถึงเมนูก็ไม่ควรมีเยอะมาก หากมีเมนูเยอะให้จัดเป็นหมวดหมู่แล้วซอยย่อย การเขียนโค้ด HTML ก็ควรเขียนให้กระชับเข้าไว้ เน้น Elements ที่จำเป็นไม่ต้องซับซ้อนเกินควร

Responsive Web

2. เริ่มจากหน้าจอขนาดเล็กสุดก่อน

ให้นึกถึงหน้าจอโทรศัพท์เอาไว้เป็นอันดับแรกครับ เพราะการออกแบบจากเล็กไปใหญ่ย่อมง่ายกว่าการออกแบบจากใหญ่ ๆ แล้วต้องมานั่งย่อขนาดให้เล็กลง ตัดนั่นตัดนี่ออก ดูจะวุ่นวายเกินจำเป็น ลองคิดว่าเราเป็นผู้ใช้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์เป็นครั้งแรก จะออกแบบ UI อย่างไรกับหน้าจอเล็ก ๆ ให้ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย อ่านเนื้อหาได้สะดวก ลองขีด ๆ เขียน ๆ ดูแล้วปรับแก้จนกว่าจะพอใจ จากนั้นเริ่มเขียน HTML แล้วลอง Preview ดูให้พอเห็นภาพการวาง Content โอเคหรือยัง และต้องไม่ลืมเรื่อง Sectioning Content และ Document Outlines ด้วย

3. กำหนดขนาดแบบ Relative

นับเป็นหัวใจสำคัญของการทำ Responsive Web เลยล่ะครับ หลังเสร็จจาก HTML แล้ว ก็ต่อด้วยการเขียน Style Sheets โดยต้องกำหนดขนาดของสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นแบบ Relative เพื่อให้ขนาดแต่ละสิ่งสัมพันธ์กับสิ่งที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งอย่างแรกที่ต้องกำหนดเลยก็คือ Layout นั่นเอง โดยต้องกำหนดความกว้าง-ความยาวต่าง ๆ ให้มีค่าเป็น % แทนจำนวน Pixel ที่ตายตัวนั่นเอง จากนั้นก็มากำหนดขนาดของ Image ให้เป็น % อีกเช่นกันโดยอิงตาม Container ของแต่ละ Image ไป แล้วกำหนด Max-Width ให้เป็นความกว้างที่แท้จริงของภาพด้วยเพื่อป้องกันภาพแตก ต่อมาก็มาดำหนดขนาด Font โดยเริ่มจากการกำหนดขนาดของ Font ที่ Body ให้เป็น 100% ซึ่งจะทำให้ขนาดของ Font ทั้งหมดที่อยู่ในส่วนของ Body มีขนาด 100% และหากต้องการกำหนดขนาด Font ใน Element ไหนเป็นพิเศษ ก็ให้ใช้หน่วย Em แทนนั่นเอง

4. หา Breakpoints และเขียน Media Queries

ลอง Preview ดูว่าแสดงผลออกมาดูใช้งานง่ายหรือไม่ แล้วลองขยาย Viewport ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อดูว่าองค์ประกอบต่าง ๆ ยังแสดงผลได้ดีอยู่หรือเปล่า แต่หากขยายขนาดไปเรื่อย ๆ แล้วพบว่าที่ความกว้างขนาดนี้ ปรับองค์ประกอบต่าง ๆ เพิ่มเติมให้ใช้งานสะดวกขึ้นได้อีก จุดนี้เองที่เราเรียกว่า Breakpoint ครับ ต่อมาเราก็ใช้ Media Queries ใส่ Style Sheets สำหรับ Breakpoint นั้น ๆ เพื่อปรับการแสดงผลให้เหมาะสมตามต้องการ จากนั้นก็มาขยายขนาด Viewport อีกเพื่อหา Breakpoint ต่อไป แล้วทำแบบนี้ซ้ำ ๆ จนกว่าจะถึงขนาดที่ต้องการ

Responsive Web

5. กำหนด Viewport Meta Tag

โดยปกติแล้ว หน้าเว็บที่ไม่ได้กำหนด Viewport Meta Tag ไว้จะถูกเบราว์เซอร์ย่อขนาดลงให้พอดีกับหน้าจอ ซึ่งอาจทำให้เนื้อหาดูเล็กเกินไป จึงต้องกำหนด Viewport Meta Tag เพื่อควบคุมสเกลของหน้าเว็บบนอุปกรณ์ต่าง ๆ โดย Viewport Meta Tag มักจะถูกใส่ไว้ในส่วน <head> ของ HTML โค้ด และมีรูปแบบดังนี้ครับ

<meta name="viewport" content="width=device-width, initial-scale=1.0"/>

ข้อนี้ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับการทำ Responsive Web เลยทีเดียว เพราะจะช่วยให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์การเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ดีที่สุดนั่นเอง

เป็นยังไงบ้างครับ อ่านมาถึงจุดนี้ทุกคนคงเข้าใจกันแล้วว่า Responsive Web มันคืออะไร และมีความสำคัญขนาดไหน ใครที่ลองเอาเทคนิคที่เรานำมาแชร์ไปปรับใช้กันก็อย่าลืมไปลองเปิดดูกับอุปกรณ์จริงหลาย ๆ ขนาดกันด้วยนะครับ เพื่อความชัวร์ว่า Responsive Web ของเราจะดูดีไม่ว่าจะในอุปกรณ์ไหน ๆ นั่นเอง

หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.1001click.com/ 

หรือติดต่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทาง

  • Line Id : 1001click
  • Tel :  081 116 1001
  • Email : info@1001click.com
Share
1001click-facebook-share
1001click-email-share
บทความล่าสุด
Core Web Vitals
17 ต.ค. 68
Core Web Vitals คืออะไร? คู่มือเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ 2025
SSL Certificate
17 ต.ค. 68
SSL Certificate คืออะไร? ทำไมเว็บไซต์ยุคใหม่ต้องมี HTTPS
ตัวอย่างหน้าเว็บ
17 ต.ค. 68
ตัวอย่างหน้าเว็บไซต์ที่ดี องค์ประกอบสำคัญที่ไม่ควรพลาด
รูปแบบเว็บไซต์
17 ต.ค. 68
รูปแบบเว็บไซต์มีกี่แบบ? เลือกประเภทเว็บไซต์ที่เหมาะกับธุรกิจคุณ

1001 Click Co., Ltd

ท่านสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับบริการ รับทำเว็บไซต์ , รับทำเว็บอีคอมเมิร์ส , รับทำ Mobile application และ SEO ได้ที่ รายละเอียดด้านล่าง

1001click-telephon-contact
+66 811161001
1001click-email-contact
info@1001click.com
1001click-map-contact
Map
  • About Us
  • Services
    • ∘ รับทำเว็บไซต์บริษัท ( Corporate website )
    • ∘ รับทำเว็บไซต์ E-commerce ( E-commerce website )
    • ∘ รับทํา Mobile Application
    • ∘ รับดูแลเว็บไซต์ และปรับปรุงข้อมูล
    • ∘ Web Hosting & VPS
    • ∘ รับทำ SEO
    • ∘ รับทำ Google ads
  • Portfolio
  • Blog
  • Contact Us
  • Privacy Policy
  • Cookies Policy
© 2021 1001 Click official website, all rights reserved. Web design by 1001 Click