เผย 7 สาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ตกอันดับในการค้นหาของ Google

เป็นที่ทราบกันดีว่า การทำ SEO นั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานพอสมควร กว่าเว็บของเราจะไต่ขึ้นมาจนถึงอันดับสูง ๆ ได้ก็ต้องใช้ทั้งความพยายามและความอดทนมหาศาล และการทำ SEO ก็ต้องแข่งขันกับเว็บไซต์อื่น ๆ อีกเช่นกัน แต่วันดีคืนดี เว็บไซต์กลับตกอันดับลงไปดื้อ ๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าเมื่ออันดับยิ่งตก ยอด Traffic ก็ยิ่งน้อยลงตามไปด้วย นั่นก็หมายความว่ารายได้จากเว็บก็ลดลงเช่นกัน วันนี้ 1001 Click จึงขอพาทุกคนไปค้นหากันว่า อะไรบ้างคือสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์สามารถตกอันดับในหน้าผลการค้นหาของ Google และจะแก้ไขกันอย่างไรได้บ้าง
ยาวไปอยากเลือกอ่าน

1. หน้าเว็บโหลดช้า
อาจฟังดูไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ แต่ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ (Page Speed) ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้พิจารณาในการจัดอันดับ เว็บไซต์ นอกจากนี้เว็บเพจที่โหลดช้าก็มักทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจและกดออกจากเว็บได้ ทำให้ Bounce rate สูงขึ้นและเวลาในการเข้าชม (Session duration) ลดลง ปัจจัยเหล่านี้เองที่ส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ SEO ดังนั้นการปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เว็บของคุณมีโอกาสไต่อันดับที่สูงขึ้นได้
โดยเบื้องต้นสามารถปรับปรุง Page Speed ได้โดยการลดขนาดไฟล์สคริปต์, การใช้งาน CDN, การเก็บ Cache ของเนื้อหา, การใช้ Lazy Load และการบีบอัดรูปภาพ
2. ลิงก์มีปัญหา
การทำ Backlink เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำ SEO เนื่องจากเป็นสิ่งที่ Google ใช้เป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ โดยหากคอนเทนต์ Off page ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ On page แล้ว ก็จะทำให้ Google เข้าใจว่าเป็นลิงก์ที่ผิดปกตินั่นเอง
การแก้ปัญหาคือต้องใช้ Google Search Console ตรวจเช็คดูว่า มีการ Backlink เข้ามาใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลง หรือลิงก์หายไปหรือไม่
3. Google เปลี่ยนอัลกอริทึม
ปัจจุบัน Google มีการเปลี่ยนออัลกอริทึมแทบจะทุกไตรมาสเลยทีเดียว โดยอัลกอริทึมใหม่อาจปรับเปลี่ยนปัจจัยที่ใช้ในการจัดอันดับได้ ซึ่งอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงความสำคัญของคีย์เวิร์ด คุณภาพของ Backlink และประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ ดังนั้นเว็บไซต์ที่ไม่สามารถปรับตัวตามมาตรฐานใหม่ ๆ ก็อาจพบว่าอันดับตกต่ำลงได้
ควรติดตามการอัพเดทข่าวสารการเปลี่ยนแปลงของ Google อยู่เป็นประจำ เพื่อให้รับรู้ได้ทันท่วงทีว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง และต้องปรับปรุงเนื้อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้น

4. ไม่อัพเดทเนื้อหา
เว็บไซต์ที่มีการอัพเดทเนื้อหาที่สดใหม่อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้น เมื่อ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลแล้วพบว่าเว็บไซต์ถูกปล่อยทิ้งร้าง ไร้การอัพเดทเป็นเวลานาน ๆ เว็บของคุณก็มีความเสี่ยงที่จะถูกคู่แข่งแทนที่ได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้น เราจึงต้องมีการอัพเดทเนื้อหาที่สดใหม่และไม่ซ้ำใครเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอันดับเอาไว้นั่นเอง
5. เนื้อหาไม่ได้คุณภาพ
การคัดลอกเนื้อหา รวมทั้งรูปภาพจากเว็บไซต์อื่น ๆ จะถูก Google Bot ตัดสินว่าเป็นเนื้อหาที่ไม่ได้คุณภาพ หรือในบางกรณีอาจถูกเจ้าของเนื้อหานั้น ๆ รายงานให้ Google ดำเนินการบล็อก URL ของหน้านั้นออกจากหน้าผลการค้นหาได้เลยทีเดียว ทั้งยังมีโอกาสที่เว็บไซต์จะถูกแบนได้อีกด้วย
ดังนั้น เราจึงต้องสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ ออกมาด้วยความสร้างสรรค์ ให้มีความน่าสนใจ และเป็นที่ต้องการของผู้ใช้ ไม่เพียงแต่จะทำให้รักษาอันดับได้ แต่ยังช่วยให้อันดับสูงขึ้นได้อีกด้วย
6. ผิดกฎของ Google
อาจต้องตั้งคำถามดูก่อนว่า สแปมคีย์เวิร์ดเยอะเกินไปหรือเปล่า ไปคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาหรือไม่ รูปภาพที่ใช้ติดลิขสิทธิ์หรือเปล่า ทำ Backlink กับเว็บไซต์ที่ผิดกฎหรือเปล่า หรือว่าเนื้อหาไม่สอดคล้องกับคีย์เวิร์ด ฯลฯ ซึ่งการกระทำเหล่านี้เป็นการละเมิดกฎของ Google จึงส่งผลเสียต่อการจัดอันดับโดยตรง
ให้เช็ค Google Web Master ดูว่ามีการแจ้งเตือนอะไรจาก Google หรือเปล่า ซึ่งหากมีก็ควรดำเนินการแก้ไขแล้วจึงขอให้ Google ตรวจดูอีกครั้งจึงจะสามารถยกเลิกบทลงโทษได้นั่นเอง

7. เว็บคู่แข่งแซงหน้า
แน่นอนว่าหากธุรกิจคู่แข่งของคุณมี Website เขาก็ย่อมทำ SEO ได้เช่นเดียวกัน การแข่งขันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งคู่แข่งก็อาจอัพเดทคอนเทนต์ใหม่ ๆ บ่อยกว่า ทำ Backlink ได้ดีกว่า หรืออาจมีการปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับอัลกอริทึมได้ดีกว่า ซึ่งก็ล้วนเป็นปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ก็ยังพอมีทางแก้ไข
โดยอาจต้องไปวิเคราะห์ดูว่าคู่แข่งมีกลยุทธ์อย่างไร คอนเทนต์เป็นแบบไหน มีการกำหนด Metadata อย่างไรบ้าง รวมถึงตรวจดูและเปรียบเทียบข้อมูลเชิงลึกด้วยเครื่องมือ SEO ต่าง ๆ จากนั้นก็มาปรับปรุงเนื้อหาและเว็บของเราให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้กลั่นกรองมา
เมื่อเข้าใจถึงปัญหาที่เป็นสาเหตุให้ Google ปรับลดอันดับของเว็บไซต์ลงแล้ว พร้อมทั้งเข้าใจดีแล้วว่าในการทำ SEO นั้นมีสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างไรบ้าง ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เพียงเท่านี้การจัดอันดับ SEO ของคุณก็จะไม่ตกลงอีกต่อไป
แต่หากคุณไม่มีเวลามาคอยตรวจหาข้อผิดพลาดและติดตามข่าวสารการอัพเดทอัลกอริทึมของ Google หรือยังวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ไม่เฉียบขาด ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะ 1001 Click มีบริการทำ SEO แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 17 ปี พร้อมดูแล Website ของคุณแบบมืออาชีพด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ โดยสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอคำปรึกษาได้ผ่านช่องทางต่อไปนี้
- Line ID: 1001click
- Tel: 081 116 1001
- E-mail: info@1001click.com